ปฏิรูปการศึกษา ต้องแก้กฎหมายลดความเหลื่อมล้ำ
คณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา ทำแผนยกระดับการศึกษาไทย
วางกรอบพัฒนาทั้งคุณภาพครู หลักสูตร และมาตรฐานการเรียนการสอน
เสนอตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคด้านการศึกษา วงเงิน 2.5
หมื่นล้านบาท ช่วยคนได้รับการศึกษาทั่วถึง
ศาสตราจารย์กิตติคุณนพ.จรัส สุวรรณเวลา
ประธานกรรมการคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษากล่าวถึงแผนปฏิรูปด้านการศึกษาว่าเป็นสิ่งจำเป็น
เนื่องจากผลการเปิดรับความคิดเห็นพบว่าการศึกษาไทยวิกฤตอย่างรุนแรง ขาดคุณภาพ มีความเหลื่อมล้ำ
และคุณภาพการศึกษาไทยต่ำมาก ดูจากการสอบโอเนตมีนักเรียนเข้าสอบกว่า ๓ แสนคน
สอบได้คะแนนคณิตศาสตร์ 24% ภาษาไทย 52% และยังพบว่าเด็กจบม.3 ที่ไม่เรียนต่อออกกลางคันอีก
6 หมื่นคนต่อปี ในขณะที่คนจบม.3 ก็ยังเป็นแรงงานไร้ฝีมือ การศึกษาไทยไม่ได้สร้างแรงงานมีฝีมือ
ถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานโลกจึงจำเป็นต้องปฏิรูป
ความคืบหน้าในแผนปฏิรูปการศึกษา
เริ่มจากการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเป็นรูปธรรม โดยคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา
ได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการชุดนี้มีระยะเวลาดำเนินการ
2 ปี จะสิ้นสุดวันที่ 29 พฤษภาคม 2562 ซึ่งคณะกรรมการฯจะต้องจัดทําข้อเสนอแนะและร่างกฎหมายให้แล้วเสร็จ
นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในสองปีนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อวางแผนปฏิรูปด้านการศึกษา
การศึกษาต้องสร้างคนดีให้สังคม
โดยตั้งเป้าหมายว่า การศึกษาทั้งหมดต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี
มีวินัย ภูมิใจในชาติ สามารถเชี่ยวชาญได้ตามความถนัดของตน
และมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
อ้างอิงแผนปฏิรูปการศึกษา ตามมาตรา 258 ในรัฐธรรมนูญ
กำหนดให้ดําเนินการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ให้เกิดผล โดยเฉพาะด้านการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เด็กเล็กได้รับการดูแลและพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา
ตามมาตรา 54 วรรคสอง เพื่อให้เด็กเล็กได้รับการพัฒนาร่างกาย จิตใจ วินัย อารมณ์
สังคม และสติปัญญาให้สมกับวัยโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และให้ดำเนินการตรากฎหมายเพื่อจัดตั้งกองทุนตามมาตรา
54 วรรคหก ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
นอกจากนี้ ต้องมีกลไกและระบบการผลิตคัดกรองและพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพครูและอาจารย์
ให้ได้ผู้มีจิตวิญญาณของความเป็นครู มีสมรรถนะ และทักษะในการเป็นครู มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง
ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสิทธิภาพในการสอน รวมทั้งมีกลไกสร้างระบบคุณธรรมในการบริหารงานบุคคลของผู้ประกอบวิชาชีพครู
“ปัจจุบันความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไทยสูงมาก”
ศาสตราจารย์กิตติคุณนพ.จรัส กล่าวและว่า
โรงเรียนที่มีการเรียนการสอนได้ผลสัมฤทธิ์ด้านคุณภาพ ในระดับสากล
ที่สามารถแข่งขันได้มีจำกัด โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และโรงเรียนวิทยาศาสตร์ที่มีการจัดการเป็นพิเศษ
และโรงเรียนขนาดใหญ่ในเมือง
สามารถพัฒนานักเรียนให้สอบได้คะแนนสูงเท่ากับที่สิงคโปร์ โรงเรียนสาธิตต่างๆ ได้ผลคะแนนอยู่ที่คาบเส้นเท่ากับค่าเฉลี่ยทั่วโลก
ส่วนโรงเรียนส่วนใหญ่ของไทย ยังได้ผลต่ำกว่าอย่างมาก ส่วนที่น่าสนใจ คือโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์มาตรฐานเหล่านี้ล้วนไม่ทำตามกฎเกณฑ์หรือหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
แต่จัดการเรียนการสอนด้วยหลักสูตรของตนเอง และใช้อาจารย์มหาวิทยาลัยมาสอน จึงมีมาตรฐานที่ดีกว่า
ตัวอย่างความเหลื่อมล้ำอีกอย่างที่พบในการศึกษา
คือนักเรียนที่จะสอบเข้าเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ต้องมาเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนในกรุงเทพฯ
ผู้ที่จบการศึกษาจากต่างจังหวัดมีโอกาสน้อยมาก แสดงถึงความแตกต่างของคุณภาพการศึกษา
อันเป็นความเหลื่อมล้ำที่ชัดเจน ในอีกแง่หนึ่งคนยากจนในชนบทส่งลูกเข้าเรียนด้วยความหวังว่าลูกจนได้เรียนสูงขึ้นและพ้นความยากจนได้ แต่ในความเป็นจริง
คุณภาพโรงเรียนในท้องถิ่นไม่ดีพอที่จะทำให้นักเรียนไปเรียนต่อ จึงไม่สามารถพ้นสภาพความยากจน
การที่สังคมไม่เอื้อให้คนยากจนสามารถดูแลตัวเองได้
และสามารถพัฒนาให้ลูกพ้นความยากจนได้ เป็นอีกปัญหาที่พบในปัจจุบัน
การปฏิรูปการศึกษา
ต้องปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนทุกระดับเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความถนัดและปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
โดยสอดคล้องกันทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่
เร่งแก้ไขกฎหมายสำคัญด้านการศึกษา
ความสามารถในการแข่งขันของชาติไทยเราได้ที่
27 มาหลายปีแล้ว ประเทศไทยมีทุกอย่างที่พร้อม โดยเป็นอิสระมา 700 ปี เรามีวัฒนธรรม
มีสถาบันดี แต่เราแพ้เพราะคุณภาพการศึกษาไม่ดี มีความเหลื่อมล้ำ ไทยเราแพ้มาเลเซีย
และวันนี้เวียดนามก็กำลังจะแซงไปข้างหน้า ก่อนหน้านี้เมื่อ 30 ปีก่อนมาเลเซียส่งคนมาดูงานการศึกษาไทยให้ไทยสอน
แต่ตอนนี้เขาแซงไทยไปไกลแล้ว
การปฏิรูปการศึกษาจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายโดยการยกร่างพ.ร.บ.การศึกษาใหม่
ลงไปแก้ไขในจุดต่างๆ และพ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคด้านการศึกษา ซึ่งผ่านสภานิติบัญญัติไปแล้ว
รอลงพระปรมา ภิไทย วงเงิน 2.5
หมื่นล้าน เพื่อลงไปช่วยประชาชนเข้าไม่ถึงการศึกษา รวมทั้งผู้ที่หลุดจากระบบการศึกษา
มีคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบตรวจสอบการใช้เงินให้สำเร็จ
กฎหมายอีกฉบับ คือร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษาแห่งชาติ
ได้เสนอรัฐบาลไปแล้วว่าจำเป็นต้องปรับปฏิรูปอุดมศึกษา ถ้าเราจะเป็นประเทศไทย 4.0 มหาวิทยาลัยก็ต้องเป็น
4.0 แต่ทุกวันนี้ยังไม่ค่อยปรับตัวเท่าที่ควร
กฎหมายด้านการศึกษาอีกฉบับที่ต้องแก้ไขเพื่อปฏิรูปการศึกษา
คือร่างพ.ร.บ.การพัฒนาเด็กปฐมวัย ซึ่งร่างเสร็จแล้ว เตรียมเสนอรัฐบาล เนื่องจากเด็กตั้งแต่อยู่ในท้องถึง 8 ขวบ
เป็นช่วงวัยพัฒนาการที่สำคัญ ต้องให้ความสำคัญพัฒนาการเด็กในช่วงแรกเกิดจนถึง ๘ ปี
นอกจากนี้
การปฏิรูปการศึกษาได้โรงเรียนยุคใหม่ต้องมีความเป็นอิสระ 4 อย่าง
1.อิสระเรื่องของการบริหารวิชาการ 2.อิสระเรื่องบริหารการเงิน 3.อิสระเรื่องบริหารบุคคล
และ4.อิสระในการบริหารทั่วไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น